แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Excel สูตร แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Excel สูตร แสดงบทความทั้งหมด

นับสิ่งที่สนใจแบบมีเงื่อนไขเดียวในพริบตา...ด้วยสูตร CountIF() ตอนที่ 1

ถ้าคุณได้รับงานให้ค้นหาคำในไฟล์ Excel ขนาดใหญ่ ให้เรามาใช้สายตาตรวจคงจะไม่ไหว ดังนั้น ในบทความนี้ จะนำเสนอสูตรที่ช่วยให้คุณนับคำที่เราสนใจได้ในพริบตา

CountIF() ถูกใช้กับการนับเซลล์ ในช่วงที่คุณกำหนดเป็นเงื่อนไข 

โดยไวยากรณ์สูตรต้องเขียน ดังนี้
ไวยากรณ์:   COUNTIF(range, criteria)
หลักการ
  • range หมายถึง ช่วงของเซลล์ที่คุณต้องการจะนับ เช่น A1:A20 เป็นต้น 
  • criteria หมายถึง เงื่อนไขที่คุณต้องการ ซึ่งจะเป็นตัวเลข ข้อความ หรือตัวแปรก็ได้ 
ตัวอย่าง1 ทำการนับคำด้วย COUNTIF() โดยเงื่อนไขสามารถเป็นตัวแปร หรือข้อความก็ได้
COUNTIF Formula Example
รูปที่ 1 แสดงตัวอย่างการใช้สูตร COUNTIF

จากตัวอย่างนี้ ใช้สูตร COUNTIF เข้ามาช่วยนับคำที่กำหนด ซึ่งสูตรนี้จะไม่ตรวจสอบตัวอักษรใหญ่-เล็ก (case insensitive) และเงื่อนไขสามารถกำหนดเป็นตัวแปร (เหมือนเซลล์ B6 และ B8) หรือข้อความ (เซลล์ B7) ก็ได้ 

นอกจาก เงื่อนไขของ COUNTIF สามารถเป็นทั้งตัวแปรและข้อความแล้ว ยังสามารถใส่เป็นตัวเลข หรือสูตรได้ด้วย

ตัวอย่างที่ 2 ทำการนับคำด้วย COUNTIF() โดยเงื่อนไขสามารถเป็นตัวเลข หรือสูตรได้
จากตัวอย่างที่ 2 นี้ 
=COUNTIF($A$2:$D$4,2) คือ สูตรนี้นับเซลล์ตั้งแต่ A2 ถึง D4 โดยให้นับเลข 2 
=COUNTIF($A$2:$D$4,"*Ap*") คือ สูตรนี้นับเซลล์ตั้งแต่ A2 ถึง D4 โดยให้นับคำที่มีส่วนประกอบ Ap ซึ่งข้างหน้าและหลังคำนี้ จะประกอบด้วยตัวอักษรอะไร จำนวนเท่าไรก็ได้ 
=COUNTIF($A$2:$D$4,"?????es") คือ สูตรนี้นับเซลล์ตั้งแต่ A2 ถึง D4 โดยให้นับคำที่มีตัวอักษรอะไรก็ได้ แต่จำนวนตัวอักษรต้องมี 5 ตัว และต้องปิดท้ายคำด้วย es 
=COUNTIF($A$2:$D$4,"????es") คือ สูตรนี้นับเซลล์ตั้งแต่ A2 ถึง D4 โดยให้นับคำที่มีตัวอักษรอะไรก็ได้ แต่จำนวนตัวอักษรต้องมี 4 ตัว และต้องปิดท้ายคำด้วย es 

แต่ถ้าต้องการค้นหาตัวคำว่า "?" หรือ "*" ให้ใส่ "~" นำหน้า "?" หรือ "*" โปรแกรมจะค้นหา "?" หรือ "*" ได้ปกติ

ตัวอย่างที่ 3 ทำการนับคำด้วย COUNTIF() โดยเงื่อนไขสามารถดูว่ามีค่ามากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากับ ก็ได้
ถ้าต้องการนับตัวเลขที่

  • มากกว่า 5                 =COUNTIF($A$2:$D$4,">5")
  • มากกว่าหรือเท่ากับ 5 =COUNTIF($A$2:$D$4,">=5")
  • น้อยกว่า 5                 =COUNTIF($A$2:$D$4,"<5")
  • น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 =COUNTIF($A$2:$D$4,"<=5")
  • เท่ากับ 5                   =COUNTIF($A$2:$D$4,"=5")
  • ไม่เท่ากับ 5               =COUNTIF($A$2:$D$4,"<>5")

ก่อนหน้านี้ COUNTIF ใช้กับเงื่อนไขเพียง 1 เงื่อนไข แต่ถ้าต้องการนับ หลายเงื่อนไขละ จะทำได้อย่างไร


ตัวอย่างที่ 4 ทำการนับคำด้วย COUNTIF() โดยมีหลายเงื่อนไข
ถ้าใช้โจทย์เดียวกับตัวอย่างที่ 3 คุณสามารถ + หรือ - ค่าที่ได้จากเงื่อนไขที่กำหนดไว้เป็นตัวเลข ดังนี้
=COUNTIF($A$2:$D$4,">=4")-COUNTIF($A$2:$D$4,"<7")+COUNTIF($A$2:$D$4,"=7")
จากสูตรนี้ จะมี 3 COUNTIF()  ได้ 8-7+2 คำตอบที่ได้ คือ 3

ถ้าใช้โจทย์เดียวกับตัวอย่างที่ 2 คุณสามารถใช้ + หรือ - ค่าที่ได้จากเงื่อนไขที่กำหนดเป็นตัวอักษร ดังนี้
=COUNTIF($A$5:$D$7,"*apples")+COUNTIF($A$5:$D$7,"oranges")
จากสูตรนี้ จะมี COUNTIF() ได้ 4+2 คำตอบที่ได้ คือ 6


Share:

การเปรียบเทียบ 2 คอลัมน์แบบทีละแถว

ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Excel คุณจะเลี่ยงงานที่ต้องเปรียบเทีียบข้อมูลในแต่ละแถวไม่ได้เลย ซึ่งเราก็มีวิธีการต่างๆ ให้คุณได้นำไปประยุกต์ใช้ โดยในบทความนี้จะให้คุณเปรียบเทียบคำใน 2 คอลัมน์ จากตารางที่ 1 
เปรียบเทียบคอลัมน์
ตารางที่ 1 แสดงข้อมูลที่จะใช้ทำการเปรียบเทียบ

ตัวอย่างที่1 การเปรียบเทียบ 2 คอลัมน์ ที่ละแถว โดยใช้ IF Function ดังนี้
1. เขียนสูตรในเซลล์ C1 ดังนี้ =IF($A2=$B2,"Match","-"

ปล.

  • "$" หน้าชื่อเซลล์แบบนี้มีประโยชน์อย่างไร อ่านที่นี่ 
  • สูตร IF() อ่านได้ว่า ถ้าเงื่อนไขสีน้ำเงินเป็นจริง (ค่าในเซลล์ A2 เท่ากับ B2) ให้แสดงข้อความสีเขียว แต่ถ้าเงื่อนไขสีน้ำเงินเป็นเท็จ ให้แสดงข้อความสีแดง
  • สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมที่ การใช้ Logic Function ที่ Excel เตรียมไว้

2. คัดลอกข้อมูลลงมาถึงเซลล์ C12 .... เทคนิคการคัดลอก มีแบบไหนบ้าง อ่านที่นี่
เพียงแค่นี้คุณจะได้ ดังรูปที่ 1
การเปรียบเทียบคอลัมน์ในเอ็กเซล
รูปที่ 1 แสดงผลการใช้สูตร IF ในการเปรียบเทียบคอลัมน์
จากคอลัมน์ผลลัพธ์ จะเห็นว่าโปรแกรมสามารถเปรียบเทียบคอลัมน์ว่าเหมือนหรือต่างกันได้อย่างถูกต้อง แต่วิธีนี้จะไม่สามารถตรวจสอบตัวอักษรตัวใหญ่-เล็กได้ (case-sensitive) แบบเดียวกับ แถวที่ 4, 9 

ตัวอย่างที่2 การเปรียบเทียบค่า 2 คอลัมน์ ว่าเหมือนหรือต่างกัน โดยดูที่ตัวอักษรด้วยว่าตัวใหญ่หรือเล็ก (case-sensitive) ด้วย EXACT Function ดังนี้
1. เขียนสูตรแบบนี้ =IF(EXACT($A2,$B2),"Match","-"

ปล. 

  • สูตร IF() อ่านได้ว่า ถ้าเงื่อนไขสีน้ำเงินเป็นจริง (ค่าในเซลล์ A2 มีลักษณะเหมือนกับ B2 ทุกตัวอักษร) ให้แสดงข้อความสีเขียว แต่ถ้าเงื่อนไขสีน้ำเงินเป็นเท็จ ให้แสดงข้อความสีแดง
  • สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมที่ การใช้ Logic Function ที่ Excel เตรียมไว้

2. คัดลอกข้อมูลลงมาถึงเซลล์ C12 เพียงแค่นี้คุณจะได้ ดังรูปที่ 2
การเปรียบเทียนคอลัมน์ในเอ็กเซล
รูปที่ 2 แสดงผลการใช้สูตร Exact ในการเปรียบเทียบคอลัมน์
จากรูปที่ 2 คอลัมน์ที่ 4 และ 9 จึงแสดงว่ามีค่าที่ไม่ Match เพราะ Exact Function จะเปรียบเทียบถึงตัวอักษรเล็ก-ใหญ่ด้วย 


😏😏😏😏 

จากทั้ง 2 ตัวอย่างข้างบน เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง 2 คอลัมน์ แต่ถ้าคุณ ๆ ต้องการเปรียบเทียบ 3 คอลัมน์ขึ้นไปจะต้องทำอย่างไร !!! 

ตัวอย่างที่ 3 การเปรียบเทียบค่าตั้งแต่ 2 คอลัมน์ขึ้นไป ว่าเหมือนหรือต่างกัน โดยใช้ สูตร IF() และ สูตร AND() เพื่อให้ได้ ดังรูปที่ 3
Compare two compumn
รูปที่ 3 การเปรียมเทียบหลายคอลัมน์ใน Excel (Compare multiple columns)
1. เขียนสูตรแบบนี้ =IF(AND(A2=B2, A2=C2), "Full match", "-") ที่เซลล์ D2

ปล.

  • สูตร IF() หมายถึง ถ้าเงื่อนไขสีน้ำเงินเป็นจริง ให้แสดงข้อความสีเขียว แต่ถ้าเงื่อนไขสีน้ำเงินเป็นเท็จ ให้แสดงข้อความสีแดง
  • สูตร AND() หมายถึง เมื่อ A2 มีค่าเท่ากับ B2 และ A2 มีค่าเท่ากับ C2 
  • สามารไปศึกษาเพิ่มเติมที่ การใช้ Logic Function ที่ Excel เตรียมไว้

2. คัดลอกข้อมูลลงมาถึงเซลล์ D12 เพียงแค่นี้คุณจะได้ ดังรูปที่ 3 

จากทั้ง 3 ตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่าการเปรียบเทียบ 2 คอลัมน์สามารถมีวิธีต่าง ๆ ให้คุณได้เลือกใช้มากกว่า 1 วิธี ซึ่งคุณต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละงาน





Share:

การหาผลรวมด้วย SUM() / SUMIF() / SUMIFS() ใน Excel

ปกติในโปรแกรม Excel จะมีฟังก์ชั่นในการหาผลรวมที่อยู่ในช่วง (Range) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถลดเวลาในการจัดการข้อมูลจำนวนมากๆ ได้อย่างสะดวกขึ้น

1. ฟังก์ชั่น SUM

ไวยากรณ์ =SUM(number1,[number2],…])
ตัวอย่าง เป็นการหาผลรวมของการขายสินค้าทั้งหมด ดังรูปที่ 1

รูปที่ 1 แสดงตัวอย่างการใช้ SUM หาผลรวม


จากรูปที่ 1 ที่เซลล์ E10 คุณสามารถเขียนฟังก์ชั่นเพื่อหาผลรวมของการขายสินค้าทั้งหมด =SUM(E3:E9) ซึ่งระบบจะทำการหาผลรวมใน E3 ถึง E9 นั้นเอง 

แต่ถ้าคุณต้องการคำนวณโดยใส่เงื่อนไขบางอย่างละ ตัวอย่างเช่น คำนวณเฉพาะผลการขายสินค้าที่เป็น Shirt คุณจะทำอย่างไร ???

เพื่อให้เป็นการง่าย ไม่ต้องมาหาผลรวมที่ละสินค้า หรือว่ามาทำการลบผลการขายสินค้าที่เป็น Shirt ออกไป โปรแกรม Excel ได้มีฟังก์ชั่น SUMIF() 
😊😊😊😊😊

2. ฟังกชั่น SUMIF()

SUMIF() ใช้สำหรับการหาผลรวมของช่วงที่ต้องการ โดยต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขที่กำหนด ... (เริ่มมีเงื่อนไขเข้ามากำหนด ไม่งั้นจะไม่หาผลรวม)

ไวยากรณ์ =SUMIF(Range, Criteria, [sum_range])
หลักการ
Range หมายถึง ช่วงเซลล์ที่มีเงื่อนไขที่ระบุใน criteria
Criteria หมายถึง เงื่อนไขที่ระบุ โดยจะเป็นตัวเลขหรือความข้อความก็ได้
Sum_rang หมายถึง ช่วงเซลล์ที่ต้องการให้หาผลรวมตามเงื่อนไขที่เราระบุไว้

ตัวอย่าง จากตัวอย่างเดิม ต้องการหาผลรวมของการขายสินค้าทั้งหมด ยกเว้นสินค้าที่เป็น Shirt คุณสามารถเขียนฟังก์ชั่นได้ ดังนี้

=SUMIF(A3:A9,"<>shirt",E3:E9)

ถ้าโจทย์ในการทำงานเปลี่ยนไป ต้องการหาผลรวมเฉพาะกระโปรง (Skirt) และ ราคาต่อชิ้นต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 800 บาทขึ้นไป (เงื่อนไขในการคำนวณมากกว่า 1 เงื่อนไข) คุณจะทำอย่างไร ???

คุณ ๆ คงจะเริ่มเห็นข้อจำกัดของฟังก์ชั่นนี้กันแล้วใช่ไหม 😁😁 ข้อจำกัดของมัน คือ SUMIF() สามารถระบุได้เพียง 1 เงื่อนไขเท่านั้น 

😱😱😱😱😱😱

3. ฟังก์ชั่น SUMIFS()

SUMIFS() ใช้สำหรับการหาผลรวมของช่วงที่ต้องการ ซึ่งสามารถกำหนดได้หลายเงื่อนไข ... (เมื่อมีเงื่อนไขมากกว่า 1)

ไวยากรณ์ =SUMIFS(sum_range, criteria_range1, criteria1, [criteria_range2, criteria2], …)

หลักการ
Sum_range (จำเป็น) คือ ช่วงของเซลล์ที่ต้องการหาผลรวม 
Criteria_range1 (จำเป็น) คือ ช่วงที่จะถูกทดสอบจะใช้ Criteria1
Criteria1 (จำเป็น) คือ เกณฑ์ที่กำหนดว่าเซลล์ใดใน Criteria_range1 จะถูกมีเงื่อนไขเป็นอะไรในการพิจารณา เช่น ">32", "แอปเปิ้ล“, "32“
Criteria_range2, criteria2, …    (ระบุหรือไม่ก็ได้) คือ ช่วงเพิ่มเติมและเกณฑ์ที่สัมพันธ์กันของช่วง คุณสามารถใส่ได้ถึง 127 คู่ของช่วง/เงื่อนไข

ตัวอย่าง เป็นการหาผลรวม โดยโจทย์กำหนดเงื่อนไขไว้ 2 เงื่อนไข คือ ต้องไม่ใช่สินค้าที่เป็น Skirt (แทนด้วยสีเขียว) และ สินค้านั้นต้องมีราคาสินค้ามากกว่าหรือเท่ากับ 800 (แทนด้วยสีฟ้า) 

รูปที่ 2 แสดงสูตรที่คำนวณเฉพาะสินค้ากระโปร่งและรามามากกว่า 800 บาท
จากตัวอย่างของการหาผลรวมทั้ง 3 ฟังก์ชั่น หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กันไม่มากก็น้อยนะคะ 
Share:

การใช้ Logic Functions ใน Excel

Logic Functions คือ ฟังก์ชั่นเชิงตรรกศาสตร์ ที่ Excel เตรียมไว้

ในบทความนี้ เสนอฟังก์ชั่นที่ช่วยให้คุณทำการตัดสินใจในสูตร อย่างเช่น AND() NOT() OR() และ IF() 

ข้อควรระวังของการเขียนสูตรใน Excel จะต้องไม่มีช่องว่าง จนกว่าจะเขียนทั้งสูตรเสร็จสิ้น


👯👯👯👯👯👯👯👯


AND() เป็นการทดสอบตรรกะ/เงื่อนไขว่าต้องเป็นจริงทั้งหมด 

ไวยากรณ์ =AND(logical1, [logical2])



หลักการ

Logical1 คือ เงื่อนไขที่ต้องการทดสอบแรก

Logical2 คือ เงื่อนไขที่ต้องการทดสอบสอง 



ตัวอย่าง

AND($B3>=25,$B3<=30)
หมายถึึง เซลล์ B3 มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 25 และ B3 มีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30

👯👯👯👯👯👯👯👯

NOT() เป็นการทดสอบตรรกะ/เงื่อนไข ว่าต้องเป็นเท็จ

ไวยากรณ์ =NOT(logical1)

ตัวอย่าง
NOT($B3>=25)
หมายถึง เซลล์ B3 ต้องไม่มี ค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 25

👯👯👯👯👯👯👯👯

OR() เป็นการทดสอบตรรกะ/เงื่อนไข ว่าต้องมีอย่างน้องหนึ่งตัวที่เป็นจริง

ไวยากรณ์ =OR(logical1, [logical2])

ตัวอย่าง
OR($B3>=25,$B3<=30)
หมายถึง เซลล์ B3 ต้องมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 25 หรือ มีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30 

👯👯👯👯👯👯👯👯

IF() เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ทดสอบตรรกะ/เงื่อนไขว่าเป็นจริงหรือเท็จ และเปรียบเทียบตรรกะ/เงื่อนไขกับค่า Value ที่ระบุไว้


ไวยากรณ์ =IF(logical_test,Value_if_true,Value_if_False)

หลักการ
logical_test เป็นการระบุ ตรรกะ/เงื่อนไข ที่ต้องการตรวจสอบ 
value_if_true เป็นการระบุ ค่าที่โปรแกรมต้องส่งกลับ เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง (จะใส่เป็นค่าหรือสูตรก็ได้) 
value_if_false เป็นการระบุ ค่าที่โปรแกรมต้องส่งกลับ เมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ (จะใส่เป็นค่าหรือสูตรก็ได้)

ตัวอย่าง

=IF($B13>100,"มากกว่า","น้อยกว่า")  
หมายถึง ถ้าเซลล์ B13 มีค่ามากกว่า 100 จะแสดงข้อความ มากกกว่า แต่ถ้าเซลล์ B13 มีค่าน้อยกว่า 100 จะแสดงข้อความ น้อยกว่า

=IF($B13>100,$B13+3,$B13+10)
หมายถึง ถ้าเซลล์ B13 มีค่ามากกว่า 100 จะแสดงผลรวมของค่าในเซลล์ B13 กับ 3 แต่ถ้าเซลล์ B13 มีค่าน้อยกว่า 100 จะแสดงผลรวมของค่าในเซลล์ B13 กับ 10

👯👯👯👯👯👯👯👯

ทั้ง 3 ฟังก์ชั่น คือ AND OR NOT สามารถนำไปใช้คู่กับ ฟังก์ชั่น IF ก็จะมำให้สูตรที่คุณเขียนมีลูกเล่นมากขึ้น 

ตัวอย่าง การใช้ IF และ AND
เขียนสูตรที่ตรวจสอบคะแนนของนักเรียนแต่ละวิชาต้องมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 20 คะแนน ทุกวิชาถึงจะผ่าน
รูปที่ 1 แสดงตัวอย่างผลการตรวจสอบคะแนนว่าผ่านหรือไม่ผ่านใน Excel

ซึ่งคุณสามารถเขียนสูตรที่คอลัมน์ D ดังรูปที่ 2
รูปที่ 2 แสดงสูตรที่เขียนใน Excel
จากรูปที่ 2 เป็นการใช้ IF และ AND เพื่อเขียนสูตร โดยในเซลล์ 
D2 หมายถึง ถ้า เซลล์ B2 และ C2 มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 20 ให้แสดงคำว่า ผ่าน
เมื่อคุณเขียนสูตรเสร็จแล้วต้องการใช้สูตรเดียวกันกับเซลล์ D3-D5 ให้คุณๆ ทำการ Copy ไปวางได้ทันที่ โดยสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความเรื่อง เทคนิคการคัดลอกข้อมูลในโปรแกรม Excel





Share:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Dashboards คืออะไร มีกี่ประเภท

Dashboards คืออะไร และสามารถช่วยเราในการทำงานอย่างไร Dashboards คือ การนำข้อมูลมาสร้างรายงานที่เป็นภาพรวมทางธุรกิจ ให้ผู้บริหารสามารถ...

Recent Posts

Keywords

เอ็กเซล Data-Management Functions การจัดการข้อมูลในเอ็กเซล Blogger Basic-Excel Create-Blogger การจัดการข้อมูล Excel Conditional Formatting excel Data-Analysis Drop down list Excel สูตร Computer knowledge Feed RSS Atom คือ อะไร Index Match function excel SEO Search Console Search engine chart excel คือ excel data validate paste option Excel vlookup approximate Match exact Match vlookup function excel การใช้ concatenate ใน excel สร้าง drop down list สร้าง กราฟ เอ็กเซล Advance Filter Auto Filter by Color Auto Filter by Text Content Syndication DATEDIF() Datedif Function Excel SUM Function Excel SUMIF Function Excel SUMIFS Function Formula Values Transpose Formatting Function excel Gantt Chart excel Gantt Chart excel ทำยังไง HLOOKUP Icon Set Index Match function คือ Knowledge Line Chart Scatter Chart LogicFunction Match function excel Name Manager Paste Special Pie Doughnut chart excel Robots Header Tag Sumproduct function การใช้ สูตร เอ็กเซล Template Text Function Excel Trim Clear Function Excel Values column chart excel condition countif excel count if excel 2010 countifs data validation excel countifs เงื่อนไข ตัวอักษร มากกว่า น้อยกว่า excel index match formula excel match function reference cell excel sort and filter excel เบืื้องต้น excel เบื้องต้น flash fill excel คือ flash fill คือ อะไร function คือ highlight in dropdownlist index excel match vlookup index match ใช้ยังไง lookup excel กราฟ แผนภูมิ Excel การ เรียง ข้อมูล excel การ เรียง ลําดับ ข้อมูล excel การกรองข้อมูล Excel การตัดข้อความ เอ็กเซล การทํา chart excel การทําcontrol chart excel การสร้าง ตาราง กราฟ excel การสร้าง chart excel การสร้างฟีต การหาผลรวมในเอ็กเซล การเผยแพร่เนื้ือหา การเพิ่ม Subscription ให้ Blogger การแยก ข้อความ การใช้ if การใช้ index match excel การใช้งาน Subtotal outline excel การใช้ฟังก์ชั่น concatenate การใช้แผนภูมิ chart excel ค้นหาข้อมูล เอ็กเซล ค้นหาเลขคอลัมน์ ค้นหาเลขแถว เอ็กเซล ตัดช่องวางในเอ็กเซล ผูกเว็บกับ Google Analytics ฟังก์ชั่น Text การใช้ วิธีการตัดข้อความใน Excel วิธีทำ แผนภูมิ วงกลม Excel สูตร COUNTIF สูตรexcel concatenate สูตรการหาผลรวมใน Excel หาผลต่างระหว่างเดือน เพิ่มรายการใน Data Validation แผนภูมิ คอลัมน์ excel แผนภูมิคอลัมน์ เรียงซ้อน ใส่สีให้ dropdownlist