2 วิธีใช้สร้างผลรวมย่อย (Subtotal) ในโปรแกรม Excel

ฟังก์ชั่นในโปรแกรม Excel หนึ่งที่หลายคนรู้จักคงจะไม่พ้นฟังก์ชั่นที่เกี่ยวกับการหาผลรวมแน่นอน ซึ่งก่อนหน้านี้ เราได้อธิบายอย่าง การหาผลรวมด้วย SUM() / SUMIF() / SUMIFS ใน Excel หรือ SUBPRODUCT() ใช้ในการหาผลรวมของคอลัมน์ตั้งแต่ 2 คอลัมน์คูณกัน 

ในบทความนี้ เราเสนอตัวอย่างการนำ SUBTOTAL Function มาช่วยลดขั้นตอนการทำงานของคุณ ๆ ว่าแล้วเข้าเรื่องสักที่ดีกว่านะคะ 😉😉😉

SUBTOTAL Function
หมายถึง ฟังก์ชั่นที่ช่วยคำนวณเซลล์ย่อย ๆ ของผลรวมในตาราง โดยมีการทำอยู่ 2 แบบ ดังนี้

ไวยากรณ์


=Subtotal(function_num, ref1, [ref2], ...)

หลักการ
  • function_num คือ คุณต้องระบุตัวเลข ซึ่งมี 2 แบบ คือ 1-11 และ 101-111 เพื่อคืนค่าตาม Function ที่ต้องการ โดยเงื่อนไขในการกำหนดอยู่ในตารางที่ 1 
  • ref1, [ref2], ... คือ คุณระบุเลข 1-254 การอ้างอิงเพื่อให้ฟังก์ชั่นหาผลรวมย่อยของข้อมูล
ตารางที่ 1 แสดงความหมายของตัวเลขใน Function_num 

Functionคำนวณค่าที่ซ่อนไม่คำนวณค่าที่ซ่อน
AVERAGE1101
COUNT2102
COUNTA3103
MAX4104
MIN5105
PRODUCT6106
STDEV7107
STDEVP8108
SUM9109
VAR10110
VARP11111
หมายเหตุ

  • ในตาราง Function แต่ละเลข (เช่น 1 กับ 101 / 2 กับ 102 / ...) จะถูกจับคู่ไว้อยู่แล้ว เมื่อคุณเลือก
  • Function_num เป็นค่าระหว่าง 1-11 ฟังก์ชั่น SUBTOTAL จะคำนวณตัวเลขทุกตัว แม้ว่าตัวเลขจะถูกซ่อนไว้
  • Function_num เป็นค่าระหว่าง 101-111 ฟังก์ชั่น SUBTOTAL จะ ไม่ นำตัวเลขที่ถูกซ่อนไว้มาคำนวณ
  • แต่ถ้าคุณทำการกรองข้อมูลด้วย Autofilter แล้วฟังก์ชั่น SUBTOTAL จะไม่สนใจว่าคุณกำหนด Function_Num เป็นอะไร มันจะ ไม่ นำค่าในตารางที่คุณกรองข้อมูลนั้นมาคำนวณเด็ดขาด
  • ฟังก์ชั่น SUBTOTAL จะสามารถทำงานตามที่บอกไว้กับข้อมูลแนวตั้ง แต่ถ้าข้อมูลเป็นลักษณะแนวนอน (Horizontal) ฟังก์ชั่น SUBTOTAL จะนำค่าที่ซ่อนไว้มารวมด้วย


ตัวอย่างที่ 1 เขียนฟังก์ชั่นแบบ Command ดังนี้

SUBTOTAL in Excel
รูปที่ 1 แสดงตัวอย่าง Subtotal 
จากรูปที่ 1 ถ้าเขียน =SUBTOTAL(9,B1:B3) หรือ =SUBTOTAL(109,B1:B3) จะได้ผลลัพธ์เป็น 9 ทั้ง 2 ฟังก์ชั่น และมีความหมายว่าให้ทำการบวกค่าระหว่าง B1 ถึง B3 แต่ถ้าคุณซ่อน Row 2 ไป ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็น 9 และ 5 ตามลำดับ 

แบบที่ 2 ใช้ Subtotal แบบ Outline ดังนี้
Subtotal - Outline
รูปที่ 2 แสดงการทำ Subtotal แบบ Outline
ในการทำ Subtotal แบบ Outline จะช่วยให้คุณไม่ต้องมาเขียนสูตรที่ละส่วน แต่การจะใช้เครื่องมือตัวนี้ เราต้องมารู้ก่อนว่ามันมีคุณลักษณะการทำงานอย่างไรบ้าง 

ขั้นตอนการทำงาน Subtotal แบบ Outline
1. ก่อนจะใช้เครื่องมือ Subtotal ได้ประสิทธิภาพที่สุด คุณควรจัดเตรียมข้อมูลให้โปรแกรมสามารถจัดการบริหารกับข้อมูลได้ง่ายขึ้นนั้นก็คือ ต้องใส่ข้อมูลให้เต็มทุกเซลล์ในตาราง / ทำการจัดเรียง (Sort) ข้อมูล ที่จะทำ Subtotal แบบ Outline ดังรูปที่ 3
SUBTOTAL outline
รูปที่ 3 แสดงการเตรียมข้อมูลให้เหมาะสมกับการทำ Subtotal แบบ Outline
ตามรูปที่ 3 เราได้ทำการเติมข้อมูลให้เต็มและจัดเรียงข้อมูล ในคอลัมน์ปี (Year) นั้นเอง

2. เลือกเซลล์ส่วนใดส่วนหนึ่งบนตาราง และ เลือกที่ Data >> Subtotal โปรแกรมจะแสดง PopUp ดังรูปที่ 4
Subtotal
รูปที่ 4 แสดง Subtotal outline 
แต่ละส่วนของ Subtotal Popup มีดังนี้

  • At each change in: เป็นการเลือกคอลัมน์คุม ตารางที่ทำ Subtotal 
  • Use Function: เป็นการเลือกว่าจะใช้ Function ใดในการทำ Subtotal 
  • Add subtotal to : เป็นการเลือกคอลัมน์ที่ต้องการให้คำนวณ ตาม Function ที่เลือกไว้ 
  • Replace current subtotal เป็นการกำหนดให้สามารถเพิ่มผลรวมย่อยได้ โดยจะถูกใช้เมื่อคุณทำ Subtotal ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ต้องการจะเพิ่ม Subtotal กับคอลัมน์อื่นเพิ่ม โดยไม่ให้กระทบกับข้อมูลที่ทำ Subtotal ไว้ก่อนหน้านี้นั้นเอง
  • Page break between groups เป็นการกำหนดให้แบ่งเป็นหน้า
  • Summary below data เป็นการกำหนดให้แสดงผลสรุปไว้ท้ายของตาราง


โดยในรูปที่ 4 คือการเลือกคอลัมน์ปี (Year) เป็นคอลัมน์คุมการแสดงผลรวมย่อย (Subtotal) ซึ่งจากการเติมข้อมูลให้เต็มทั้งตารางและจัดเรียงข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้แล้ว คุณจะได้ข้อมูลผลรวมย่อยที่นำไปวิเคราะห์ได้ ดังรูปที่ 5
Subtotal - outline in excel
รูปที่ 5 แสดงผลลัพธ์การทำผลรวมย่อย (Subtotal - Outline)

แต่หากคุณขี้เกียจ 😝😝😝 ไม่เติมข้อมูลให้เต็มหรือจัดเรียงข้อมูลให้เรียบร้อยก่อน คุณอาจจะได้ผลรวมย่อย (Subtotal) หลายรายการต่อข้อมูลในคอลัมน์เดียวกัน ซึ่งคุณก็คงต้องเริ่มต้นทำใหม่ ซึ่งถ้าคุณต้องการเริ่มต้นใหม่สามารถคลิกที่ปุ่ม Remove all ได้

นอกจากนี้ คุณยังสามารถทำการเพิ่ม Subtotal ที่ 2 ในตารางได้ โดยคลิกที่ Replace current subtotal แล้วเลือกคอลัมน์ที่ต้องการจะทำ Subtotal ที่ 2 ในส่วน Add subtotal to ดังรูปที่ 6 
ผลรวมย่อยในเอ็กเซล
รูปที่ 6 แสดงตัวอย่างการทำผลรวมย่อยที่2 (Subtotal แบบ outline) 
โดยในรูปที่ 6 จะทำการคลิกที่ Replace current subtotal และเลือกส่วนของ Add subtotal to: Product ผลลัพธ์ที่ได้เพิ่ม Subtotal ที่ 2 จะแสดงดังรูปที่ 7
รูปที่ 7 แสดงผลลัพธ์ของการทำผลรวมย่อยที่ 2 (Subtotal แบบ Outline)

หวังว่าบทความนี้ คงพอจะให้คุณสามารถนำไปใช้สรุปผลรวมย่อยกับงานของคุณ ๆ ได้อย่างดีนะคะ 
Share:

SUMPRODUCT() ใช้ในการหาผลรวมของคอลัมน์ตั้งแต่ 2 คอลัมน์คูณกัน


จากบทความ การหาผลรวมด้วย SUM() / SUMIF() / SUMIFS() ใน Excel อาจมีบางคนที่ว่า ก็ยังต้องทำงานหลายขั้นตอน ในการหาผลรวมที่มีเงื่อนไขอยู่ดี 


แล้วอะไร คือ การทำงาน 2 ขั้นตอนละ 😫😫


SumProduct in Excel
รูปที่ 1 แสดงตัวอย่างการทำงาน 2 ขั้นตอน

การทำงาน 2 ขั้นตอนที่ว่านั้น ก็คือ คุณต้องนำราคา (Price) มาคูณกับจำนวนผลการขาย (Amount) ก่อน ถึงจะหาผลรวมได้นั้นเอง (คุณต้องทำงานที่เป็นตัวเลขสีส้ม คอลัมน์ D) 😨😨 แล้วจะมีวิธีการอะไรที่ลดขั้นตอนการทำงานลงได้บ้างละ 

ในบทความนี้ อธิบายวิธีการทำงานที่จะลดขั้นตอนการทำงานตามตัวอย่างข้างบนได้อย่างมีประสิทธิภาพที่เดียว ซึ่งวิธีการนั้น ก็คือ การเขียนฟังก์ชั่น SUMPRODUCT() 


SUMPRODUCT() Function

หมายถึง ฟังก์ชั่นที่ใช้ในการหาผลรวม (บวก) ของคอลัมน์ตั้งแต่ 2 คอลัมน์คูณกัน

ไวยากรณ์
=SUMPRODUCT(array1 [array2], [array3], ... )
หลักการ

  • SUMPRODUCT ต้องการข้อมูลที่เป็น array หรือ Range เช่น เป็นข้อมูลในคอลัมน์
  • ถ้ามีมากกว่า 1 คอลัมน์ ข้อมูลนั้น ต้องมีจำนวนแถวเท่ากัน
  • เราสามารถเพิ่มความยืดหยุ่น โดยการกำหนดเงื่อนไขในแต่ละคอลัมน์ได้ โดยการกำหนดเงื่อนไข และ ใช้เครื่องหมายคูณ (*) เป็นตัวเชื่อม เงื่อนไขเหล่านั้น
เมื่อคุณรู้ไวยากรณ์ และหลักการของ SUMPRODUCT() แล้ว ปัญหาข้างต้น (ตามรูปที่ 1) เราสามารถลดขั้นตอนการทำงาน จาก 2 ขั้นตอน เหลือเพียง 1 ขั้นตอน ด้วยการเขียนฟังก์ชั่น ดังนี้

=SUMPRODUCT(B2:B6,C2:C6)

คุณ ๆ จะพบว่า ในวงเล็บของฟังก์ชั่นนี้เป็นไปตามหลักการของ SUMPRODUCT คือ มีอากิวเมนต์ 2 ตัว ที่เป็น Array หรือ Range และจำนวนแถวของทั้ง 2 มีจำนวนเท่ากัน นั้นก็คือ B2:B6 และ C2:C6 แต่ถ้าการคำนวณนั้นมีเงื่อนไขเพิ่มเข้ามา เราจะเขียนฟังก์ชั่นนี้อย่างไร

ตัวอย่างที่ 1 ต้องการหาผลรวมของยอดการขายทั้งหมดในตาราง (รูปที่ 1) ยกเว้น Shirt สามารถเขียนได้ ดังนี้

=SUMPRODUCT((A3:A6<>"Shirt")*B3:B6,C3:C6)


คุณ ๆ จะพบว่า เงื่อนไขที่เพิ่มขึ้นมาจะเขียนไว้ข้างหน้า Array หรือ Range และใช้เครื่องหมายคูณ (*) เป็นสัญลักษณ์ในการเชื่อมนั้นเอง

ตัวอย่างที่ 2 ต้องการหาผลรวมยอดการขายทั้งหมดในตาราง (รูปที่ 1) ยกเว้น Shirt และ Skirt  สามารถเขียนได้ ดังนี้

=SUMPRODUCT((A3:A6<>"Shirt")*(A3:A6<>"Skirt")*B3:B6,C3:C6)

จากตัวอย่างที่ 2 นี้ มีเงื่อนไข 2 เงื่อนไขเข้ามา เราก็จะใช้เครื่องหมายคูณ (*) เป็นตัวเชื่อมกับเงื่อนไขทั้ง 2 เช่นกัน



Share:

Flash Fill เป็นการจัดรูปแบบให้กับข้อมูลใน Excel

Flash Fill 

เป็นเครื่องมือใหม่ เริ่มมีใช้ตั้งแต่ Excel Version 2013 ขึ้้นไป ซึ่งความสามารถของ Flash Fill ก็เพื่อใช้จัดรูปแบบข้อมูลต่าง ๆ ได้ตามต้องการ

คุณลักษณะของ Flash Fill มี 2 ลักษณะ ดังนี้
1. การสกัดหรือดึง (Extract) ข้อมูลตามรูปแบบที่ต้องการออกมา
2. การรวม (Join) ข้อมูลตามรูปแบบที่ต้องการออกมา

จากรูปที่ 1 เราจะแสดงตัวอย่างการสกัด และ การรวม ข้อมูลตามรูปแบบที่ต้องการด้วยวิธี Flash Fill 
การแยกข้อความในเอ็กเซล
รูปที่ 1 แสดงตัวอย่างการสกัดข้อมูลออกมาด้วย Flash Fill

ตัวอย่างที่ 1 การสกัดหรือดึงข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ตามรูปแบบที่ต้องการ ออกมาแสดง 
การใช้ Flash Fill ในเอ็กเซล
รูปที่ 2 แสดงวิธีการใช้ Flash Fill ใน Excel

จากรูปที่ 1 จะมีข้อมูลพื้นฐาน 2 คอลัมน์ คือ A, B ซึ่ง โจทย์ต้องการให้แยกชื่อ สกุล ออกจากเซลล์ B มาใส่ในคอลัมน์ C และ D ตามลำดับ นอกจากนี้ คอลัมน์ E ใช้จัดรูปแบบ email Addree จากชื่อ-สกุล (คอลัมน์ B)

พิมพ์ชื่อที่คอลัมน์ C กับ พิมพ์นามสกุลที่คอลัมน์ D และ พิมพ์ e-mail ที่คอลัมน์ E ที่ด้านบนสุด เพื่อให้โปรแกรมเอ็กเซล ใช้เป็นตัวอย่างในการทำ Flash Fill ดังรูปที่ 2
เมื่อเราได้รูปแบบข้อมูลที่ต้องการครบแล้ว คุณก็วางเมาส์ที่ C3 เพื่อทำการสกัดหรือดึงข้อมูล "ชื่อ" จากคอลัมน์ B2 แล้วไปที่ Data >> Flash Fill หรือ Ctrl+E ดังรูปที่ 3
วิธีการทำ Flash Fill ในเอ็กเซล
รูปที่ 3 แสดงวิธีการทำ Flash Fill ในเอ็กเซล
หลังจากนั้น ทำ Flash Fill ในส่วนอื่น ๆ ต่อไป โดยในตัวอย่างนี้ ให้วางเมาส์ที่ D3 เพื่อทำการสกัดหรือดึงข้อมูล "นามสกุล" จากคอลัมน์ B2 แล้วไปที่ Data >> Flash Fill หรือ Ctrl+E 

ตัวอย่างที่ 2 การร่วมข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ตามรูปแบบที่ต้องการ ออกมาแสดง 

จากรูปที่ 1 จะเหลือส่วนของ e-mail ซึ่งก็ต้องวางเมาส์ที่ E3 เพื่อทำการสกัดหรือดึงข้อมูล "e-mail" จากคอลัมน์ B2 แล้วไปที่ Data >> Flash Fill หรือ Ctrl+E ดังรูปที่ 4
การร่วมข้อมูลในเอ็กเซลด้วย Flash Fill
รูปที่ 4 แสดงตัวอย่างหลังจากการทำ Flash Fill

ตัวอย่างที่ 3 การจัดรูปแบบข้อมูลตัวเลขได้ง่าย ๆ เหมือนข้อมูลที่เป็นตัวอักษร เช่น การจัดรูปแบบของเบอร์โทรศัพท์ได้ ดังรูปที่ 5
Flash Fill เบอร์โทรศัพท์
รูปที่ 5 แสดงตัวอย่างการทำ Flash Fill ที่เป็นตัวเลข
จากตัวอย่างที่ 3 นี้เราจะอธิบายการจัดรูปแบบตัวเลข ตามที่เราต้องการ ดังนั้น คุณก็ต้องทำเหมือนตัวอย่างก่อนหน้านี้ คือ วางเมาส์ที่ B2 แล้วพิมพ์รูปแบบที่คุณต้องการ ดังรูปที่ 6
Flash Fill ในเอ็กเซล
รูปที่ 6 แสดงตัวอย่างการใส่รูปแบบตัวเลขที่ต้องการ เพื่อเตรียมทำ Flash Fill 
เมื่อเราได้รูปแบบที่ต้องการแล้ว ก็ต้องวางเมาส์ที่ B3 แล้วคลิก Data >> Flash Fill หรือ Ctrl+E ดังรูปที่ 7
Flash fill
รูปที่ 7 แสดงผลการทำ Flash Fill ข้อมูลที่เป็นตัวเลข
จากตัวอย่างทั้ง 3 จะพบว่า เครื่องมือ Flash Fill มีคุณลักษณะที่ใช้ในการจัดการรูปแบบทั้งตัวเลข ตัวอักษร ได้อย่างง่าย ๆ แต่เครื่องมือนี้ก็ยังมีข้อจำกัดเช่นกัน 

ข้อจำกัดของ Flash Fill 
คือ ถ้าข้อมูลพื้นฐานมีการเปลี่ยนแปลง อย่างเพิ่มข้อมูลใหม่ ๆ ขึ้นมา ส่วนที่เป็นผลลัพธ์จะไม่เปลีี่ยนตามข้อมูลพื้นฐานนั้น เพราะ ว่าเครื่องมือนี้เป็นเหมือนการ Stamp ค่าคงที่ลงไป ไม่ได้ มีคุณลักษณะเหมือนการใช้สูตรหรือฟังก์ชั่น ที่จะปรับเปลี่ยนไปตามข้อมูลพื้นฐานนั้นเอง


😅😄😄😄😄😄😄


Share:

3 วิธีในการผสานหรือรวมข้อความของ Excel เป็นเซลล์เดียว


ใครคิดว่า Excel ต้องเก็บข้อมูลเป็นโครงสร้าง (Structure) เสมอบ้าง ... ยกมือขึ้น 🙋🙋🙋

แม้โปรแกรม Excel จะมีลักษณะเป็นโครงสร้างหรือตาราง แต่บ้างครั้ง ข้อมูลที่เราเก็บลงโปรแกรม Excel อาจจะไม่ได้มีลักษณะเป็นโครงสร้าง (Structure) เสมอไป เพราะว่า หลายครั้งที่เรามีการผสาน/รวมคำจาก 2 เซลล์ หรือมากกว่านั้นลงใน 1 เซลล์ หรือ สิ่งที่ตรงข้ามกันอย่างการแยกข้อมูลออกเป็นแต่ละเซลล์ 

ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงกรณีการผสาน/รวมคำจาก 2 เซลล์ หรือมากกว่านั้น มารวมกัน ซึ่งใน Excel เรามีวิธีในการจัดการได้ 3 แบบ คือ Merge, Concatenate และ Flash Fill

ความแตกต่างระหว่าง Merge และ Concatenate 

Merge 

👉 ผลลัพธ์ที่ได้จากการ Merge จะแสดงเพียงคำแรกของเซลล์ ที่คุณทำการ Merge ส่วนคำอื่นของเซลล์อื่น ๆ จะหายไป ดังรูปที่ 1
Merge in Excel
รูปที่ 1 แสดงผลลัพธ์ของการ Merge

👉 พื้นที่หลังการ Merge ขนาดเท่ากับจำนวนเซลล์ ที่คุณทำการ Merge 

วิธีการทำผสาน/รวมข้อมูลด้วยการ Merge
👉 เลือกเซลล์ที่ต้องจะรวมคำ ซึ่งตามรูปที่ 1 คือ A1 และ B1
👉 เลือกปุ่ม Home >> Merge and Center 
👉 Pop Up จะแจ้งว่า ถ้าคุณคลิกปุ่ม Ok จะแสดงข้อความเพียงเซลล์แรกเซลล์เดียวเท่านั้น 

ปล. ควรประยุกต์ กรณีผสาน/รวมคำเพียงไม่มา ให้ทำการ Merge ให้ได้พื้นที่ที่ต้องการก่อน แล้วค่อยพิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไป แต่ถ้าต้องผสาน/รวมคำหลายแถว (Row) คุณควรจะเขียน Concatenate Function แทน

⌨ ⌨ ⌨ ⌨ ⌨

Concatenate 
👉 ผลลัพธ์ที่ได้จากการ Concatenate จะได้รวมคำทั้งหมดในเซลล์ใหม่เพียงเซลล์เดียว
👉 พื้นที่หลังการทำ Concatenate จะได้แสดงข้อมูลทั้งหมดในเซลล์เพียงเซลล์เดียว

วิธีการทำผสาน/รวมข้อมูลด้วยการ Concatenate 
👉 เขียนฟังก์ชั่น Concatenate สามารถอ่านได้ที่บทความเรื่อง การผสานหรือรวมข้อความด้วยฟังก์ชั่น CONCATENATE ของโปรแกรม Excel


นอกจาก ทั้ง 2 แบบข้างบนแล้ว ใน Excel ยังมีเครื่องมือ Flash Fill ที่สามารถทำการผสาน/รวมคำจาก 2 เซลล์ หรือมากกว่านั้น มารวมกันได้เช่นกัน โดยความหมายของ Flash Fill คือ เครื่องมือที่ใช้ในการจัดรูปแบบทั้งข้อความหรือตัวเลข ตามที่คุณต้องการได้อย่างง่ายๆ

⌨ ⌨ ⌨ ⌨ ⌨

Flash Fill 
👉 ผลลัพธ์ จากการใช้ Flash Fill จะสามารถรวมคำจากเซลล์ที่ต้องการ ไปสู่เซลล์ใหม่ เซลล์เดียวได้ จากรูปแบบที่คุณต้องเป็นคนเขียนก่อน
👉 พื้นที่หลังการทำ Flash Fill จะได้แสดงข้อมูลทั้งหมดในเซลล์เพียงเซลล์เดียว
ดังรูปที่ 2
การผสานหรือรวมเซลล์
รูปที่ 2 แสดงตัวอย่างการใช้และผลลัพธ์ของเครื่องมือ Flash Fill เพื่อผสาน/รวมคำ
วิธีการทำผสาน/รวมข้อมูลด้วยการ Flash Fill 
👉 เขียนรูปแบบที่เซลล์ C1 เพื่อเป็นต้นแบบ 
👉 คลิกเซลล์ที่ต้องการจะคัดลอกรูปแบบ ในที่นี้คลิกที่เซลล์ C2 
👉 ไปที่ Data >> Flash Fill หรือ กด Ctrl+E
👉 ผลลัพธ์จะแสดงตาม C1 

มาถึงตอนท้ายของบทความนี้ คุณ ๆ จะพบว่าในโปรแกรม Excel มีวิธีการได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Merge, Concatenate และ Flash Fill ซึ่งตามคุณสมบัติของ Flash Fill ยังมีความสามารถอื่น ๆ หากสนใจให้อ่านบทความเรื่อง ความสามารถของ Flash Fill 
Share:

การผสานหรือรวมข้อความด้วยฟังก์ชั่น CONCATENATE ของโปรแกรม Excel

รวมคำ Excel

Concatenate Function
เป็นฟังก์ชั่นในการผสาน/รวมคำที่เป็นข้อความ (Text) เข้าด้วยกันในเซลล์เดียว นอกจากนั้น ยังสามารถนำฟังก์ชั่นอื่น แทรกเข้าไปใน Concatenate Function ได้เช่นกัน

ไวยากรณ์
  =CONCATENATE(text1, [text2], …)
กฏการใช้ 
  1. ฟังก์ชั่นนี้ต้องประกอบด้วยอาร์กิวเมนต์ที่เป็นข้อความ (String) อย่างน้อย 1 ตัว 
  2. ฟังก์ชั่นนี้ สามารถผสาน/รวมข้อความได้ถึง 225 ข้อความ (Strings) หรือตัวอักษรได้ถึง 8,192 ตัวอักษร (Characters)
  3. แม้ข้อความในเซลล์ก่อนที่จะใช้ฟังก์ชั่นนี้จะไม่เป็นข้อความ (String) แต่ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากผ่านฟังก์ชั่นนี้แล้ว จะเป็นข้อความ (String) ทั้งหมด
  4. ฟังก์ชั่นนี้ ไม่รู้จักอาร์กิวเมนต์ที่เป็น Array แบบนี้ =CONCATENATE(A1:A3) ดังนั้น ควรเขียนแบบนี้แทน =CONCATENATE(A1, A2, A3) 
  5. เมื่อคุณเขียนฟังก์ชั่นนี้ Error ผลลัพธ์ที่โปรแกรมแสดงออกมา คือ #VALUE!
୫୫୫୫୫୫୫

ตัวอย่างที่ 1 การรวมข้อมูล String จากเซลล์หลายเซลล์ เป็นเซลล์เดียว ดังรูปที่ 1
การใช้ concatenate ใน excel
รูปที่ 1 แสดงการใช้ฟังก์ชั่น concatenate

จากรูปที่ 1 เราได้เขียนฟังก์ชั่นในเซลล์ E1 ดังนี้ 
=concatenate(A1,B1,C1.D1) 

ข้อควรระวัง ผลลัพธ์จากการใช้ฟังก์ชั่นนี้ จะไม่มีการเว้นช่องว่างระหว่างอาร์กิวเมนต์ (Text 1, Text 2,....) ให้ ดังนั้น ถ้าคุณต้องการผสาน/รวมข้อความ ก็ควรมีการเว้นช่องว่างเอง " " หรือ เครื่องหมายที่ใช้คั่นข้อความต่างๆ เช่น , / - เป็นต้น ดังนี้
=CONCATENATE(A1," ",B1,"-",C1,"-",D1) หรือ 
=CONCATENATE(A2," ",B2," / ",C2," / ",D2) หรือ 
=CONCATENATE(A3," , ",B3," , ",C3," , ",D3) 
ดังรูปที่ 2
รูปที่ 2 แสดงการใช้ฟังก์ชั่น concatenate 


ตัวอย่างที่ 2 การรวมเซลล์ที่เก็บข้อความ (String) และเซลล์ที่เก็บวันที่ (Date) ให้อยู่ในเซลล์เดียว

ข้อควรระวัง ฟังก์ชั่น Concatenate นี้จะไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นอื่นภายในฟังก์ชั่น Concatenate ได้ แต่หากจำเป็นต้องใช้ฟังก์ชั่นอื่น คุณ ๆ สามารถใช้ Text() รวมด้วยได้ ดังรูปที่ 3
การใช้ concatenate ใน excel
รูปที่ 3 การใช้ concatenate ใน excel
จากรูปที่ 3 ได้คุณ ๆ ต้องรวมคำใน A1 B1 ในเซลล์ C1 โดยต้องระบุวันที่ปัจจุบันของเครื่อง ก็ต้องใช้ฟังก์ชั่น Today() แต่เมื่อต้องเขียนฟังก์ชั่นอื่นในฟังก์ชั่น Concatenate ดังนั้น คุณต้องแปลงค่าที่ได้จากฟังก์ชั่น Today() ด้วย Text() ดังนี้
=CONCATENATE(A1,B1," ",TEXT(TODAY(),"DD MM YYYY"))

นอกจาก ฟังก์ชั่น Concatenate โปรแกรม Excel ยังมี "&" operator เพื่อใช้ในการรวม ๆ คำได้เช่นกัน 
="วันนี้เป็นวัน " & "07 10 2017"

แล้วระหว่าง Concatenate และ "&" operator อะไรที่จะมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน
Share:

Atom Feed ปะทะ RSS Feed บนโลกออนไลน์


RSS ย่อมาจาก Really Simple Syndication หรือ Rich Site Summary โดยเริ่มต้นเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2538 ซึ่งไฟล์จะมีนามสกุลเป็น .rss หรือ .xml

ส่วน Atom ย่อมาจาก Atom Syndication Format ซึ่งถูกพัฒนาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของ RSS โดยคุณสมบัติของ Atom ถูกกล่าวว่ามันมาลดข้อจำกัดของ RSS บางประการนั้นเอง  ซึ่งไฟล์จะมีนามสกุลเป็น .atom หรือ .xml

ในด้าน Computer ชื่อทั้ง 2 ชื่อข้างบน มักจะพบในบทความที่อธิบายการ Feed แต่ถ้าเป็นบทความเกี่ยวกับ Social Marketing ก็จะพบในบทความที่อธิบายถึง Content Syndication นั้นเอง


Feed คือ อะไรละ !!! 

Feed คือ ไฟล์ขนาดเล็ก ที่จะค่อย Update เนื้อหาบทความใน Blog ที่คุณ ๆ เขียนขึ้น และมี Application ที่เรียกว่า “readers” or “aggregators” มาค่อยตรวจสอบไฟล์ Feed นี้ และค่อยทำการแจ้งให้ผู้อ่านอื่น ๆ ทราบเมื่อมีบทความใหม่ ซึ่งบางเว็บไซต์ได้จัดทำ  Feed ทั้ง 2 แบบเลยก็ได้

เทคโนโลยีนี้ถือเป็นสิ่งที่เกิดมานานแล้ว โดยบางคนอาจเคยเข้าไปอ่าน Feed จากเว็บที่เปิดให้ผู้อ่านสามารถถึง RSS หรือ Atom ไปได้ 

เมื่อมีฝั่งส่งข้อความมา ก็ต้องมีฝั่งรับข้อมูลไปใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น Desktop Mobile Tablet หรือนำไปใส่ใน Application ต่าง ๆ

อ่านมาถึงจุดนี้ คุณ ๆ ผู้อ่านพอจะเห็นประโยชน์ของ Feed นี้หรือยัง ... มันช่วยให้คุณได้รับข่าวสารที่คุณสนใจ โดยไม่ต้องไปเปิดที่ละเว็บไซต์นั้นเอง 


เมื่อประโยชน์ของมันเป็นแบบนี้ ก็มีคนเห็นประโยชน์นำมันไปใช้ในการทำ Social Marketing หรือ SEO ให้กับเว็บไซต์ 


😥😥😥😥😥

Feed ถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งของการทำ Content Syndication หรือ การเผยแพร่เนื้อหาใน Blog ไปที่แหล่งอื่น เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ง่ายขึ้น แล้ววิธีนี้ ก็เป็นการเผยแพร่ที่แทบไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรด้วย

ในปัจจุบัน การทำให้ Website หรือ Blog นั้นติดหน้า Search engine ต่าง ๆ Website หรือ Blog นั้น ต้องมีเนื้อหาที่มีคุณภาพ ดังนั้น การหาเทคนิคที่สร้างความสำเร็จให้กับ Website หรือ Blog คือ การเราต้องเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณภาพไปสู่ผู้อ่านนั้นเอง 

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ การเผยแพร่เนื้อหา หรือ Content Syndication จึงเป็นวิธีที่ส่งผลที่ดีในการทำ SEO นั้นเอง 

การเผยแพร่เนื้อหาใหม่ๆ ให้กับผู้อ่านที่กว้างขึ้น ๆ จะเป็นวิธีการที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับ Website หรือ Blog นั้นเอง 


อ้างอิง: 
https://searchenginewatch.com/sew/how-to/2049167/content-syndication-how-to-get-started
https://opensource.com/article/17/3/rss-feed-readers
http://latestsolution.com/get-rss-atom-feed-blogger/amp/
https://droidsans.com/google-reader-rss-feed-usage/
Share:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Dashboards คืออะไร มีกี่ประเภท

Dashboards คืออะไร และสามารถช่วยเราในการทำงานอย่างไร Dashboards คือ การนำข้อมูลมาสร้างรายงานที่เป็นภาพรวมทางธุรกิจ ให้ผู้บริหารสามารถ...

Recent Posts

Keywords

เอ็กเซล Data-Management Functions การจัดการข้อมูลในเอ็กเซล Blogger Basic-Excel Create-Blogger การจัดการข้อมูล Excel Conditional Formatting excel Data-Analysis Drop down list Excel สูตร Computer knowledge Feed RSS Atom คือ อะไร Index Match function excel SEO Search Console Search engine chart excel คือ excel data validate paste option Excel vlookup approximate Match exact Match vlookup function excel การใช้ concatenate ใน excel สร้าง drop down list สร้าง กราฟ เอ็กเซล Advance Filter Auto Filter by Color Auto Filter by Text Content Syndication DATEDIF() Datedif Function Excel SUM Function Excel SUMIF Function Excel SUMIFS Function Formula Values Transpose Formatting Function excel Gantt Chart excel Gantt Chart excel ทำยังไง HLOOKUP Icon Set Index Match function คือ Knowledge Line Chart Scatter Chart LogicFunction Match function excel Name Manager Paste Special Pie Doughnut chart excel Robots Header Tag Sumproduct function การใช้ สูตร เอ็กเซล Template Text Function Excel Trim Clear Function Excel Values column chart excel condition countif excel count if excel 2010 countifs data validation excel countifs เงื่อนไข ตัวอักษร มากกว่า น้อยกว่า excel index match formula excel match function reference cell excel sort and filter excel เบืื้องต้น excel เบื้องต้น flash fill excel คือ flash fill คือ อะไร function คือ highlight in dropdownlist index excel match vlookup index match ใช้ยังไง lookup excel กราฟ แผนภูมิ Excel การ เรียง ข้อมูล excel การ เรียง ลําดับ ข้อมูล excel การกรองข้อมูล Excel การตัดข้อความ เอ็กเซล การทํา chart excel การทําcontrol chart excel การสร้าง ตาราง กราฟ excel การสร้าง chart excel การสร้างฟีต การหาผลรวมในเอ็กเซล การเผยแพร่เนื้ือหา การเพิ่ม Subscription ให้ Blogger การแยก ข้อความ การใช้ if การใช้ index match excel การใช้งาน Subtotal outline excel การใช้ฟังก์ชั่น concatenate การใช้แผนภูมิ chart excel ค้นหาข้อมูล เอ็กเซล ค้นหาเลขคอลัมน์ ค้นหาเลขแถว เอ็กเซล ตัดช่องวางในเอ็กเซล ผูกเว็บกับ Google Analytics ฟังก์ชั่น Text การใช้ วิธีการตัดข้อความใน Excel วิธีทำ แผนภูมิ วงกลม Excel สูตร COUNTIF สูตรexcel concatenate สูตรการหาผลรวมใน Excel หาผลต่างระหว่างเดือน เพิ่มรายการใน Data Validation แผนภูมิ คอลัมน์ excel แผนภูมิคอลัมน์ เรียงซ้อน ใส่สีให้ dropdownlist